e-Tax Invoice ลดหย่อนภาษี เป็นเรื่องสำคัญที่คนเสียภาษีไม่ควรมองข้าม เนื่องจากเป็นการลดหย่อนภาษีที่มีประโยชน์ต่อผู้มีเงินได้บุคคลธรรมดาที่มีหน้าที่เสียภาษีตามกฎหมายประมวลรัษฎากรทุกคน โดยผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประกอบด้วยประชาชนทุกคนที่มีเงินได้เกิดขึ้นระหว่างปีภาษีในแต่ละปี ซึ่งจะต้องเป็นคนที่มีสถานะอย่างหนึ่งอย่างใด ได้แก่ บุคคลธรรมดา ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล หมายรวมถึงผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี ตลอดจนกองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง และวิสาหกิจชุมชน ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน เฉพาะที่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลด้วย

ทำไมความรู้เรื่อง e-Tax Invoice จึงสำคัญ

ความรู้เรื่อง e-Tax Invoice เป็นข้อมูลสำคัญที่ประชาชนทั่วไปควรมีติดตัว เนื่องจากสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ เพราะทุกคนต้องเกี่ยวข้องกับการซื้อสินค้าหรือบริการในแต่ละวันด้วยกันทั้งสิ้น e-Tax Invoice คือใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบที่จะได้รับก็ต่อเมื่อมีการซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบการที่จดภาษีมูลค่าเพิ่มและลงทะเบียนผ่านระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ของกรมสรรพากร

สำหรับผู้ประกอบกิจการที่มีหน้าที่ต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมาย ประกอบด้วย

1. ผู้ประกอบกิจการที่มีรายได้จากกิจการนั้น ๆ เกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี
2. ผู้ประกอบกิจการที่อยู่ในข้อบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น การก่อสร้างอาคารสำนักงาน โรงงาน หรือติดตั้งเครื่องจักร
3. ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร แต่มีตัวแทนขายสินค้าหรือบริการในราชอาณาจักร ซึ่งต้องให้ตัวแทนรับผิดชอบในการจดทะเบียนการจดภาษีมูลค่าเพิ่ม

และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันทางภาครัฐได้มีนโยบายโครงการ Easy e-Receipt เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอย ซื้อสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมลงทะเบียนในระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ของกรมสรรพากรด้วยแล้ว ประชาชนยิ่งจำเป็นต้องมีความรู้ เพื่อจะสามารถยื่น e-Tax Invoice ลดหย่อนภาษีและสามารถใช้สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีในปี 2567 ได้อย่างถูกต้อง

การจะใช้สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีจากโครงการ Easy e-Receipt ได้นั้น ประชาชนจะต้องมีการซื้อสินค้าหรือบริการในช่วงระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2567 โดยจะได้รับสิทธิ์ในการยื่น e-Tax Invoice ลดหย่อนภาษีได้ตามที่ใช้จ่ายจริง และสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท เงื่อนไขสินค้าที่เข้าร่วมโครงการที่สามารถนำมาขอลดหย่อนภาษีได้นั้นเป็นไปตามที่กรมสรรพากรกำหนด

e-Tax Invoice & e-Receipt แตกต่างจาก e-Tax Invoice by Email อย่างไร

รู้หรือไม่ว่า e-Tax Invoice ลดหย่อนภาษีนั้นผู้ประกอบกิจการสามารถออกได้ผ่านระบบการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ 2 ระบบ ได้แก่ e-Tax Invoice & e-Receipt และ e-Tax Invoice by Email เชื่อเหลือเกินว่าหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ทราบเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างระบบการออก e-Tax Invoice ทั้งสองรูปแบบดังกล่าว แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะบทความนี้จะพาไปไขข้อข้องใจเกี่ยวกับข้อมูลดังกล่าวกันให้ละเอียด 

อันดับแรกมาทำความรู้จักและเข้าใจกับระบบที่ใช้สำหรับออกเอกสารใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ทั้ง 2 ระบบกันก่อนว่ามีลักษณะอย่างไร

1. e-Tax Invoice & e-Receipt เป็นระบบที่ให้บริการทางด้านภาษีที่พัฒนาขึ้นโดยกรมสรรพากร เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบกิจการจัดทำใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงิน ใบเพิ่มหนี้ ใบลดหนี้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์โดยการลงลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) เพื่อส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือบริการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ตามวิธีที่ตกลงกัน และที่สำคัญผู้ประกอบการต้องมีหน้าที่ส่งมอบข้อมูลใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวให้กับกรมสรรพากรผ่านช่องทางที่กำหนดไว้ด้วย

2. e-Tax Invoice by e-mail เป็นระบบที่ให้บริการทางด้านภาษีที่พัฒนาขึ้นโดยกรมสรรพากร ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ประกอบด้วย สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) เพื่อให้สร้างความคุ้นเคยให้ผู้ประกอบกิจการ เป็นการช่วยเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างเต็มรูปแบบ

ความแตกต่างระหว่างระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt และระบบ e-Tax Invoice by Email มีดังนี้

1. ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ไม่จำกัดรายได้ต่อปี แต่ระบบ e-Tax Invoice by Email จำกัดรายได้ของธุรกิจต้องไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อปี
2. ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt สามารถใช้ออกเอกสารใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงิน ใบเพิ่มหนี้/ลดหนี้ ได้ ในขณะที่ระบบ e-Tax Invoice by Email ออกเอกสารได้เหมือนกัน ยกเว้นไม่สามารถออกใบเสร็จรับเงินได้
3. ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt มีรูปแบบการจัดทำเอกสารข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้หลายแบบที่สามารถลงนามอิเล็กทรอนิกส์ได้ เช่น ไฟล์ XML หรือ PDF ในขณะที่ระบบ e-Tax Invoice by Email ต้องออกเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบ PDF/A-3 เท่านั้น
4. ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt สร้างเอกสารโดยการใช้ใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ (CA) และสร้างลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) แต่ระบบ e-Tax Invoice by Email ใช้วิธีประทับรับรองเวลา (e-Stamping) แทน
5. การสร้างเอกสารภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ผู้ประกอบการต้องนำส่งข้อมูลให้กรมสรรพากรด้วยวิธีการที่กำหนด แต่ระบบ e-Tax Invoice by Email ข้อมูลจะถูกจัดเก็บให้โดยอัตโนมัติ

  เมื่อทราบความสำคัญของ e-Tax Invoice ลดหย่อนภาษี ตลอดจนความแตกต่างของระบบการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ทั้ง 2 ระบบกันไปแล้ว น่าจะช่วยให้เข้าใจระบบการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์กันมากขึ้น และสามารถตรวจสอบเอกสาร e-Tax Invoice ที่จะนำไปขอลดหย่อนภาษีในโครงการ Easy e-Receipt ได้อย่างมั่นใจ ย้ำกันอีกครั้งว่าต้องเป็นเอกสารที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้นจึงจะสามารถใช้ขอลดหย่อนในโครงการนี้ได้

Tags: e-Tax Invoice ลดหย่อนภาษี